สจล. ลุยปี 64 มุ่งผลิตงานวิจัยแก้ปัญหาประเทศ

สจล. ลุยปี 64 มุ่งผลิตงานวิจัยแก้ปัญหาประเทศ - เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
รับนโยบายรัฐ พร้อมผุดโปรเจคดันไทยเป็นผู้นำการแพทย์อาเซียน ด้วยดิจิทัลเฮลท์แคร์

กรุงเทพฯ 5 พฤศจิกายน 2563 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นำเสนอแนวทางการดำเนินงานของสถาบันแก่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในโอกาสการเยี่ยมชมและรับฟังความคืบหน้าการดำเนินงานของสถาบัน พร้อมรับฟังนโยบายกระทรวง อว. ที่ผลักดันสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองสร้างคน สร้างองค์ความรู้ และสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของประเทศ โดย สจล. ได้นำเสนอแผนการดำเนินงานในปี 2564 ที่มุ่งเน้นการผลิตงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาประเทศ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมกันนี้ได้โชว์ความสำเร็จแนวคิดการพัฒนาการศึกษาเพื่อคนไทยทุกคน ผ่านตัวอย่างหลักสูตรเอกอล 42 แบงค็อก (Ecole 42 Bangkok) ตลอดจนได้นำเสนอผลงานนวัตกรรมแก้ปัญหาสังคม อาทิ นวัตกรรมรถเข็นขายอาหารสตรีทฟู้ดสุดไฮยีน นวัตกรรมการแพทย์สู้โควิด-19 ฯลฯ นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยเป้าหมายสำคัญในปี 2564 ผ่านโปรเจคผลักดันไทยเป็นผู้นำทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยองค์ความรู้ด้านดิจิทัลเฮลท์แคร์ มุ่งสู่การจัดตั้งโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจรแห่งแรกในอาเซียน ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ถ.ฉลองกรุง กรุงเทพฯ

 

          ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า กระทรวง อว. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเยี่ยมชมการดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับในชื่อเสียงด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยเห็นได้จากผลงานวิจัย และนวัตกรรมต่างๆ ที่ สจล. ได้ผลิตออกมาเพื่อช่วยเหลือประเทศชาติตลอดระยะเวลา 60 ปี สอดรับกับนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยผลงานวิจัย ซึ่งสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองสร้างคน สร้างองค์ความรู้ และสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของประเทศ โดยในโอกาสนี้ที่ สจล. จะได้นำเสนอแนวทางการดำเนินงานของสถาบัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการนำร่องสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ เป็นต้นแบบสถาบันที่มีความพร้อมในการปรับตัว เพื่อยกระดับตัวเองก้าวไปสู่สถาบันในระดับนานาชาติ

          ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า สจล. ในฐานะสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับหลักสูตร การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันเป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน ควบคู่ไปกับความพร้อมในการปรับตัวเพื่อรับความท้าทายใหม่ๆ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้รับฟังนโยบายขับเคลื่อนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยกระทรวง อว. เพื่อนำมาปรับใช้ให้สอดรับกับนโยบายของสถาบัน ให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวผู้เรียนและประเทศชาติ สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2564 สจล. เตรียมเดินหน้าผลิตงานวิจัยไทยทำได้ โดยมุ่งเน้นผลิตงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาประเทศ และงานวิจัยเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

          ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศด้วยผลงานวิจัยไทยทำได้ สจล. ยังมุ่งมั่นสร้างการศึกษาเพื่อคนไทยทุกคน ผ่านการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในปี 2563 ให้มีความแข็งแกร่ง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนที่หลากหลายในโลกยุคดิสรัปชัน โดยทุกหลักสูตรการเรียนการสอนของ สจล. มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดในตัวผู้เรียน โดยมุ่งเน้นการสอนในเรื่องทฤษฎีไปพร้อมกับการปฏิบัติ อีกทั้งคำนึงถึงเป้าหมายในการผลิตบัณฑิตที่มีทักษะขั้นสูง ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน

“สจล. มุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งในการสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ที่ดี โดยการสร้างกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์การแก้ปัญหาจริง การเรียนรู้ความล้มเหลวในมหาวิทยาลัย การส่งเสริมการค้นหาตัวตนและเป้าหมายของชีวิต ไปจนถึงการสนับสนุนและยอมรับความแตกต่างหลากหลาย เพราะ สจล.เป็นมหาวิทยาลัยที่ให้ “ความหมาย” ของชีวิต มิใช่เพียงแค่ใบปริญญา” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว

 

 

          รองศาสตราจารย์ ดร.สุรินทร์ คำฝอย รองอธิการบดีฝ่ายแผนงานสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวเสริมว่า สำหรับความสำเร็จในแง่ของหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อคนไทยทุกคน ในปี 2563 สจล. ได้นำร่องเปิดหลักสูตรเอกอล 42 แบงค็อก (Ecole 42 Bangkok) ที่เป็นหลักสูตรทางเลือก โดยเปิดโอกาสให้บุคคลที่อายุมากกว่า 18 ปี ที่มีความสนใจพัฒนาทักษะด้านการเขียนโปรแกรมโดยตรง ได้เข้ารับการศึกษาในสถาบันดังกล่าว ที่มุ่งเน้นผลิตนักเขียนโปรแกรมที่มีคุณภาพ ซึ่งในประเทศไทยยังคงขาดแคลน โดยสถาบันดังกล่าวเป็นสถาบันการเรียนการสอนโปรแกรมเมอร์สัญชาติฝรั่งเศสแห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยหลักสูตรเน้นการเรียนการสอนในรูปแบบ project-based learning ภายใต้แนวคิด ไม่มีอาจารย์ ไม่มีปริญญา ไม่มีค่าเทอม ตอบโจทย์โลกการเรียนรู้ในยุคดิสรัปชัน

          ในด้านความสำเร็จของผลงานนวัตกรรม ในปีที่ผ่านมา สจล. ได้ผลิตนวัตกรรมออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศมากมาย อาทิ นวัตกรรมรถเข็นขายอาหารสตรีทฟู้ดสุดไฮยีน ที่มีแนวคิดในการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการจัดการระบบร้านอาหารริมทางที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยผู้ขายอาหารริมทางที่ใช้นวัตกรรมรถเข็นดังกล่าว จะสามารถจัดการระบบร้านอาหารอย่างสะอาดปลอดภัย อร่อย และดีต่อสุขภาพ ซึ่ง สจล. ได้ส่งมอบนวัตกรรมดังกล่าวให้แก่ผู้ขายอาหารริมทางที่ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 จำนวน 10 คัน รวมมูลค่า 500,000 บาท ในขณะที่ นวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน สจล. โดยการดำเนินงานของศูนย์ KMITL GO FIGHT COVID-19  ได้ผลิตนวัตกรรมทางการแพทย์สู้โควิด-19 อาทิ เครื่องช่วยหายใจขนาดเล็ก ตู้ตรวจเชื้อความดันบวกและความดันลบ หุ่นยนต์ขนส่งอาหารและยา รถตู้ตรวจเชื้อ ฯลฯ โดยสามารถส่งมอบนวัตกรรมต่างๆ ไปยังโรงพยาบาล และหน่วยงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมจำนวน 600 ชิ้น รองศาสตราจารย์ ดร.สุรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

 

         

          นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสพิเศษครบ 60 ปี พระจอมเกล้าลาดกระบังมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ โดยการเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ เพื่อรับมือทุกปัจจัย ทุกการเปลี่ยนแปลง โดย สจล. ได้เตรียมแผนจัดตั้ง “โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการแพทย์ (Digital Healthcare) ครบวงจรแห่งแรกในอาเซียน ทั้งในแง่การดูแลรักษาผู้ป่วย ไปพร้อมกับเป็นศูนย์วิจัยเพื่อออกแบบ และผลิตอุปกรณ์การแพทย์ด้วยตนเอง เพื่อความพร้อมในการรับมือกับทุกวิกฤตทางการแพทย์ในอนาคต อีกทั้งคนไทยจะได้รับการรักษาที่ถูกและดีที่สุดจากโรงพยาบาลแห่งนี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์ สจล. โทรศัพท์ 02-329-8111 หรือเว็บไซต์ www.kmitl.ac.th หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/kmitlofficial

 

ข่าวจาก : ฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงานบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์

จำนวนเข้าชม : 4341